วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

สุขภาพดีไม่มีขายถ้าอยากได้ต้องทำเอง

 

คำถามที่ถามกันบ่อยคือ ทำอย่างไรจึงจะทำให้สุขภาพดี การจะทำให้มีสุขภาพดีต้องพิจารณาจากองค์ประกอบ 5 ประการ โดยเริ่มจากการกินก่อน ดังนี้


1. การกิน
หากกินผิดนอกจากจะแก่เร็วแล้ว ยังทำให้ป่วยด้วยอาหารที่ทำลายสุขภาพที่สุดคือ เนื้อ นม ไข่ ผมไปทำงานที่โรงพยาบาล (บางประกอก 1) สัปดาห์ละสองวัน พบว่าเด็กสมัยนี้ป่วยเป็นมะเร็งกันมาก บางคนเป็นตั้งแต่อายุยังน้อย มีกรณีหนึ่งอายุ 11 ขวบ ป่วยเป็นมะเร็งนม สอบถามผู้ปกครอง ปรากฏว่าเด็กคนนี้กินไก่พวกฟาสต์ฟู้ดส์วันละตัว ทำให้ตัวโตผิดปกติ เพราะรับฮอร์โมนจากไก่ที่ติดมาจากกระบวนการเลี้ยง เมื่อร่างกายรับสารเหล่านี้เข้าไปมากๆ จะทำให้เซลล์เติบโตผิดปกติ และกลายเป็นมะเร็งได้
น้ำตาลซูโครสหรือน้ำตาลฟอกขาวก็เช่นกัน เป็นเหมือนยาพิษ เมื่อกินเข้าไปบ่อยๆ จะไปเคลือบต่อมย่อยอาหารในลำไส้ ทำให้เกิดพิษ (toxin) และทำให้ร่างกายป่วย เรื่องของอาหาร คุณกินผิดหรือไม่ ลองไปสำรวจตัวเองดู ตัวอย่างที่แสดงว่าคุณกินผิด อาการจะมีหลายอย่าง ตั้งแต่เจ็บป่วย เล็กๆ น้อยๆ จนกระทั่งไปถึงเรื่องมะเร็ง ล้วนเกี่ยวกับเรื่องของการกินทั้งสิ้น
เปลี่ยนนิสัยการกินเป็นเรื่องยาก
ตั้งแต่ผมทำการแพทย์ทางเลือก การแพทย์ผสมผสานมา สิ่งที่ยากที่สุดในโลกคือการเปลี่ยนนิสัยการกิน เพราะสิ่้งที่คุณชอบมันไปติดอยู่ในสมองคุณ มันเป็นเจ้านายคุณ ไม่กินหวานไม่ได้
เพื่อนผมอยู่เยอรมนี ภรรยาเป็นโรคเบาหวาน พอผมไป เขาดีอกดีใจ ขอให้ช่วยแนะนำหน่อย จะช่วยแก้เบาหวานได้ไหม ผมบอกว่าง่ายนิดเดียว ผมก็ทำสูตรอาหารให้ พอเห็นสูตรอาหารเขาถามว่าแป้งต้องเป็นแป้งไม่ขัดขาวแปลว่าอะไร ผมก็บอกว่าเป็นพวกข้าวแดง เขาถามอีกว่ากินก๋วยเตี๋ยวได้ไหม มะกะโรนีกินได้ไหม สปาเกตตีกินได้ไหม ผมบอกว่าทุกอย่างที่ทำมาจากแป้งขาวกินไม่ได้ เขาบอกว่าไม่รักษาแล้ว
เพราะอะไรน่ะหรือ คนเป็นเบาหวานติดแป้งขาว หากไม่ได้กินจะกระวนกระวาย ติดรสหวาน หากไม่ได้กินจะหงุดหงิดมันเป็นความจำส่วนหนึ่งในสมอง ถ้าคุณแก้ตรงนี้ได้ คุณเป็นเจ้านายเลย
มีคนแถวบ้านที่สนิทกันมากมาให้รักษามะเร็งปอด เป็นเถ้าแก่ใหญ่ อายุเจ็ดสิบกว่า ผมก็ทำสูตรอาหารชีวจิตให้กิน ให้ปฏิบัติ แล้วก็ให้ยาแบบชีวจิต อาการก็ดีขึ้นเป็นลำดับ เดินได้วิ่งได้ อยู่มาวันหนึ่งแกให้ลูกชายมาเรียกผมไปคุย ถามว่าจะให้กินแบบนี้ไปอีกนานเท่าไร ผมถาม ทำไมล่ะ กินมาแล้วแข็งแรงดี หายจากโรคภัยไข้เจ็บ มันดี เถ้าแก่ก็กินต่อไปสิ แกตอบว่า "ถ้าให้กูกินแบบนี้ ให้กูตายดีกว่า" แกพูดอย่างนี้จริงๆ
การเปลี่ยนเรื่องนิสัยการกินยากที่สุดในโลก เพราะในสมองจะมีสารตัวหนึ่ง เราเรียกว่า "Brain Chemistry" ซึ่งจะมีผลต่อส่วนต่างๆ ของสมอง ซึ่งมาบังคับให้คุณทำอะไรตามอิทธิพลของสมอง ตรงส่วนที่ว่าเราชอบอย่างโน้นชอบอย่างนี้ และเกลียดตรงนั้นตรงนี้ ซึ่งส่วนนี้จะอยู่ในส่วนกลางของสมอง เรียกว่า "Bid Brain"
ตกลงคือว่าเราต้องหัดร่างกายให้ดี แล้วร่างกายดี มีสุข สนุกกับการทำงาน ร่างกายดีคือ สุขภาพต้องดี สุขภาพร่างกายแข็งแรง จิตใจก็ดี เพราะจิตใจเป็นส่วนหนึ่งของสุขภาพ เราต้องมีวิธีฝึกปฏิบัติหัดให้ร่างกายผ่อนคลาย (Relax) ฝึกสมาธิง่ายๆ เพื่อให้ใจสงบ
ผมมีหลานอายุขวบกว่าก็กินชีวจิต พอโตหน่อยไม่ได้กินนมแม่แล้ว ก็ให้กินนมถั่วเหลืองและกินข้าวซ้อมมือ แล้วทำน้ำอาร์.ซี.ให้กิน แกก็แข็งแรงและท่าทางจะฉลาดกว่าปู่เสียอีก
ผมชอบสูตรของพระนะ ถ้าพระวัดป่ากินอาหารมื้อเดียวดูน้อยเกินไป ส่วนพระธรรมดากินอาหาร 2 มื้อ งดอาหารเย็นอันนี้ถูกต้อง ตามหลักของสรีรวิทยาบอกว่า เมื่ออายุ 30 ขึ้นไป ทุกๆ สิบปีควรจะลดแคลอรีของอาหาร 8 เปอร์เซ็นต์ อายุ 50 ปี ลดไป 16 เปอร์เซ็นต์ ลดพลังงานจากอาหารให้น้อยลง แต่ไม่ได้ลดปริมาณอาหาร มื้อเย็นไม่จำเป็นต้องกิน แต่เราไม่ได้เป็นพระ มื้อเย็นก็กินพวกผลไม้ น้ำผลไม้ อะไรนิดๆ หน่อยๆ เพื่อให้มีอะไรรองท้อง ทำให้เราสดชื่น มีชีวิตชีวา เพราะฮอร์โมนส่วนมากมาจากอาหาร*-*

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น